ตอนที่19 โอมาโมริ เครื่องรางที่อยู่เหนือการเวลา

หลายๆคนเวลาได้เที่ยวศาลเจ้าญี่ปุ่น คงจะคุ้นเคยกับภาพที่มีนักท่องเที่ยวมากมายต่อแถวกันซื้อเครื่องรางที่วางขายแบบเรียงกันเป็นตับ แถมยังมีหลายสีหลายแบบ หลายสรรพคุณให้เลือกกันอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องซื้อติดมือกลับบ้านไปบ้างเวลาได้ไปศาลเจ้าต่างๆ

เครื่องรางพวกนี้ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกกันว่า โอมาโมริ (お守り)แหละถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนญี่ปุ่นจำนวนมากเลย

 

Credit:https://kaukyoto-masters.com/kau/

 

แล้วเครื่องรางพวกนี้เริ่มมีให้เห็นกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และเรื่องน่าสนใจอะไรบ้างวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับเครื่องรางญี่ปุ่นชนิดนี้เพิ่มกัน

 

ต้องเท้าความก่อนว่าญี่ปุ่นถึงจะไม่ได้มีศาสนาประจำชาติ และ ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักจะบอกว่าตัวเองไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ แต่สิ่งเหล่านี้ที่ฝังรากมาอย่างยาวนั้นก็ยังแฝงอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนมาถึงทุกวันนี้ เรื่องเครื่องราง หรือ โอมาโมริ นี่ก็เช่นกัน

 

โอมาโมริ ที่เราเห็นกันนั้นจริงๆแล้ว มีการใช้กันมาอย่างยาวนานมากๆ และมีการเปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัย โดยสมัยโบราณจะเริ่มตั้งแต่การเป็นหินก้อนเล็กๆมีรูปร่างโค้ง ที่เรียกกันว่า มากะทามะ(勾玉)ที่พวกเราอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นยันต์กระดาษ ของเหล่าองเมียวจิ(陰陽師)หรือ หมอผีในสมัยโบราณนั่นเอง แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปก็คือการพกไว้เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดี เช่น ภัยพิบัติ โรคระบาด หรือ สิ่งชั่วร้ายต่างๆที่คนสมัยก่อนเชื่อกันนั่นเอง

 

Credit:https://yukinoura.net/enjoy/4380/

 

จนมาถึงปัจจุบันโอมาโมริ ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้พกพาง่ายขึ้น มีดีไซน์ ที่สวยงาม รวมถึงมีสรรพคุณที่เพิ่มขึ้นตามยุคสมัยด้วย เช่น ช่วยเรื่องการสอบ การเรียน การเดินทาง การงาน ความรัก และยังมีศาลเจ้าจำนวนมากที่ทำเครื่องรางป้องกันโควิทมาขายกันด้วย เรียกได้ว่ามีการอัพเดทให้ทันสมัยตลอดเวลาเลย

 

มีหลายสรรพคุณขนาดนี้ แล้วโอมาโมริ พวกนี้มีข้อห้ามอะไรที่คนญี่ปุ่นถือกันบ้างรึเปล่า?

 

อย่างเลยที่มักจะได้ยินก็คือการห้ามเปิดดูข้างในว่ามีอะไร (ส่วนมากจะเป็น ยันต์ หินมากะทามะ หรือ กระดิ่ง ใส่เอาไว้)

เพราะตามความเชื่อของชินโตแล้วเครื่องรางถือเป็นการแบ่งเอาส่วนหนึ่งของเทพเจ้าใดๆให้มาสถิตไว้และการพกติดก็เหมือนกับได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้าตลอดเวลานั่นเอง ว่ากันว่าการเปิดดูจะเป็นการทำให้พลังของเทพเจ้าเหล่านี้หายไป

 

ความเชื่อนี้จะคล้ายๆกับเรื่องของตัวศาลเจ้าชินโตเองที่จะไม่การเปิดให้ดูว่าเทพเจ้าหลักหรือที่เรียกกันว่า โกะชินไท(御神体)นั้นมีหน้าตาเป็นยังไง เพราะเชื่อว่าเทพเจ้านั้นไม่ควรให้คนเห็นนั่นเอง เวลาจะเคลื่อนย้ายไปประกอบพิธี หรือ เทศกาลต่างๆจึงต้องแบกกันไปทั้งศาลเหมือนที่เราเห็นกันตาม เทศกาลกิอง ที่อื่นๆ

 



ภาพโดยผู้เขียน

 

และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ โอมาโมริ เหล่านี้มีอายุการใช้งานด้วยโดยส่วนมากแล้วจะอยู่ที่ 1 ปี และถ้าถึงเวลาแล้วก็ควรจะต้องไปเปลี่ยนอันใหม่ โดยก็มีความเชื่ออีกว่าห้ามทิ้งอันเก่าลงขยะ ถ้าต้องการทิ้งก็ต้องเผา หรือ นำไปทิ้งในที่ที่ศาลเจ้าเตรียมไว้อีกด้วย

(ต้องบอกก่อนว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงความเชื่อของแต่ละคนเท่านั้น เพราะหากคิดดูแล้วก็เหมือนเป็นการตลาดของศาลเจ้าซะมากกว่า)

 

โอมาโมริ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมานานมากๆ และยังถูกพัฒนาต่อมาเรื่อยๆเช่นเดียวกับเรื่องก่อนๆที่ผู้เขียนเคยหยิบมาเล่าให้ฟังกัน และในปัจจุบันยังกลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติอีกด้วย โดยไม่จำกัดว่าจะนับถือศาสนาไหนก็ตาม ถือเป็นเครื่องรางที่ก้าวข้ามทั้งเรื่องของยุคสมัยและความเชื่อเลยก็ว่าได้ ถ้าได้ไปเที่ยวก็อย่าลืมไปเลือก โอมาโมริ ที่ถูกใจติดมือกลับมากันล่ะ

 

 

Credit:http://kyotomoyou.jp/imamiyajinja-20150817